การให้อาหารสุนัขจรจัดไม่ถือว่าเป็นเจ้าของตามกฎหมายไทย แต่ผู้ให้อาหารอาจมีความรับผิดชอบบางส่วน หากสัตว์ก่อความเสียหาย ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี
🐾 ความหมายของ “เจ้าของสัตว์” ตามกฎหมายไทย
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 ระบุว่า:
“ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรักษาไว้แทนเจ้าของ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแล้ว”
คำว่า “เจ้าของสัตว์” ในทางกฎหมาย หมายถึงบุคคลที่มี การครอบครอง ดูแล หรือควบคุมสัตว์อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ให้อาหารชั่วคราวหรือเป็นครั้งคราว
⚖️ ตัวอย่างคำพิพากษาและแนวทางการตีความ
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.1751/2559 ระบุว่า:
ผู้ที่ให้อาหารสุนัขจรจัดเป็นครั้งคราวหรือแม้แต่เป็นประจำ แต่ไม่ได้รับเลี้ยงหรือควบคุมสัตว์อย่างแท้จริง ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของ
หากสุนัขจรจัดก่อความเสียหาย เช่น กัดคนหรือทำลายทรัพย์สิน หน่วยงานรัฐ เช่น เทศบาล หรือกรมปศุสัตว์ อาจต้องรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6088/2559 ชี้ว่า:
เจ้าของสัตว์ต้องควบคุมสัตว์ไม่ให้ก่อเหตุ เช่น วิ่งตัดหน้ารถ
หากไม่ควบคุมอย่างเหมาะสม อาจต้องรับผิดตามมาตรา 433
🛑 ความเสี่ยงของผู้ให้อาหารสัตว์จรจัด
แม้จะไม่มีสถานะ “เจ้าของ” อย่างเป็นทางการ แต่หากมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้:
ให้อาหารเป็นประจำ
จัดหาที่พักหรือพื้นที่ให้สัตว์อยู่
แสดงออกถึงการดูแลหรือควบคุมสัตว์
อาจถูกตีความว่ามีความสัมพันธ์กับสัตว์ และอาจต้องรับผิดบางส่วน หากสัตว์ก่อเหตุ เช่น ทำร้ายบุคคลอื่นหรือสร้างความเสียหาย
📌 ข้อแนะนำสำหรับผู้ให้อาหารสัตว์จรจัด
ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารในพื้นที่สาธารณะโดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
หากต้องการช่วยเหลือสัตว์ ควรประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล หรือองค์กรช่วยเหลือสัตว์
พึงระวังว่าอาจเข้าข่าย การทิ้งสิ่งปฏิกูลในที่สาธารณะ ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
📚 สรุป
การให้อาหารสัตว์จรจัดไม่ถือว่าเป็นเจ้าของตามกฎหมาย แต่หากมีพฤติกรรมที่แสดงถึงการดูแลหรือควบคุมสัตว์ อาจมีความรับผิดชอบบางส่วนตาม มาตรา 433 หากสัตว์ก่อเหตุเสียหาย
เผยแพร่ความรู้เพื่อให้ชุมชนเข้าใจสิทธิและหน้าที่อย่างถูกต้อง และร่วมกันดูแลสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ

0 ความคิดเห็น