การขอประกันตัวในชั้นศาลมี 2 ช่วง
ช่วงแรกเมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการนำตัวผู้ต้องหามาขอฝากขังต่อศาลและศาลอนุญาตให้ขังซึ่งถือว่าผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจควบคุมของศาลแล้ว
ช่วงที่สอง คือ ช่วงที่ศาลประทับฟ้องของโจทก์ ผู้ต้องหามีสถานะเป็นจำเลยซึ่งต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในอำนาจของศาล ดังนี้ หากผู้ประกันประสงค์จะขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยก็จะต้องยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวนหรือระหว่างพิจารณา แล้วแต่กรณีต่อศาล
กำหนดเวลาที่ศาลอนุญาตให้ประกันมีดังนี้
ชั้นสอบสวน มีกำหนดเวลาเท่ากับระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ฝากขังจนกระทั่งมีการฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี
ชั้นพิจารณาของศาล สัญญาประกันใช้ได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
เมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกควบคุมตัวโดยศาล ผู้ประกันสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยใช้หลักประกันได้ดังนี้
หลักประกัน | เงื่อนไข/ลักษณะ |
1. การใช้หลักทรัพย์เป็นประกัน | - เงินสด - ที่ดินมีโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดิน ซึ่งไม่มีภาระผูกพันอันอาจกระทบต่อการบังคับคดี หากจะนำสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินมาเป็นประกันด้วยก็จะต้องแสดงสำเนาทะเบียนบ้านและหนังสือประเมินราคาสิ่งปลูกสร้างที่น่า เชื่อถือประกอบด้วย - ห้องชุดมีโฉนดที่ดินและมีหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด และต้องไม่มีภาระผูกพันอันอาจกระทบต่อการบังคับคดีได้ - หลักทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่กำหนดราคา มูลค่าที่แน่นอนได้ เช่น - พันธบัตรรัฐบาล - สลากออมสิน - สลากออมทรัพย์ทวีสินของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร - ใบรับเงินฝากประจำของธนาคาร - ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารเป็นผู้ออก - ตั๋วแลกเงิน หรือเช็คที่ธนาคารเป็นผู้ สั่งจ่ายหรือรับรองซึ่งสามารถเรียก เก็บเงินได้ในวันที่ทำสัญญาประกัน - หนังสือรับรองของธนาคารเพื่อชำระ เบี้ยปรับแทนในกรณีผิดสัญญาประกัน |
2. การใช้บุคคลเป็นประกัน | เป็นผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีรายได้แน่นอน เช่น- ข้าราชการ ข้าราชการบำนาญ- สมาชิกรัฐสภา - ผู้บริหารราชการส่วนท้องถิ่น - สมาชิกสภาท้องถิ่น - พนักงานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น - พนักงานรัฐวิสาหกิจ - พนักงานของรัฐประเภทอื่น ๆ ลุกจ้างของทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจ - ผู้บริหารพรรคการเมือง - ทนายความ และเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาหรือจำเลย ได้แก่ - บุพการี ผู้สืบสันดาน สามี ภริยา ญาติ พี่น้อง - ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง - บุคคลที่เกี่ยวพันโดยทางสมรส หรือ - บุคคลที่ศาลเห็นว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเสมือนเป็นญาติพี่น้องหรือมีความสัมพันธ์ในทางอื่นที่ศาลเห็นสมควรให้ประกันได้ อัตราหลักประกัน- ทำสัญญาประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 10 เท่าของอัตราเงินเดือนหรือรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หากวงเงินประกันมียอดสูงกว่าวงเงินที่ผู้นั้น มีสิทธิประกันได้ ศาลอาจกำหนดให้ผู้ขอ ประกันวางเงินหรือหลักทรัพย์อื่นเพิ่มเติมให้ เพียงพอกับวงเงินประกันนั้นได้ หรืออาจให้ มีผู้ขอประกันหลายคนร่วมกันทำสัญญา ประกันโดยใช้วงเงินของแต่ละคนรวมกันได้ |
หลักฐานที่ต้องนำมาแสดงในการขอประกันตัว
- บัตรประชาชน บัตรข้าราชการ หรือบัตรแสดงตำแหน่งหน้าที่การงาน ทะเบียนบ้านของจำเลยและผู้ประกันพร้อมสำเนา
- หลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) เงินสด บัญชีเงินฝาก
- หนังสือรับรองจากต้นสังกัดหรือนายจ้าง (กรณีขอประกันตัวด้วยตำแหน่งหน้าที่)
- หนังสือรับรองราคาประเมิน (กรณีใช้โฉนดที่ดิน, หนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นระกัน)
- หนังสือรับรองจากธนาคาร (กรณีใช้สมุดเงินฝากเป็นประกัน)
- หลักฐานการยินยอมของคู่สมรส (กรณีผู้ประกันมีคู่สมรส)
หลักเกณฑ์ในการสั่งคำร้องขอประกัน
เมื่อยื่นคำร้องขอประกันแล้ว ศาลจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ ประกอบในการ
พิจารณาสั่งคำร้อง คือ
1. ความหนักเบาแห่งข้อหา
2. พยานหลักฐานที่นำสืบแล้วมีเพียงใด
3. พฤติการณ์ต่างๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร
4. เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
5. ผู้ต้องหาหรือจำเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่
6. ภัยอันตรายหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวมีเพียงใด
7. คำคัดค้านของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
ขั้นตอนการขอประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย
1. ขอแบบพิมพ์คำร้องขอประกันตัวได้จากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาล
2. เขียนคำร้องขอประกันตัวได้เอง โดยขอคำแนะนำหรือดูตัวอย่างได้จาก
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หากผู้ขอประกันเขียนหนังสือไม่ได้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จะช่วยเขียนให้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนแต่ประการใด
3. ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยลงชื่อในคำร้องขอประกันตัว หากผู้ต้องหาหรือจำเลย
มิได้ถูกขังอยู่ที่ศาลเป็นหน้าที่ของนายประกันที่จะต้องนำคำร้องไปให้จำเลยหรือผู้ต้องหา ลงชื่อ
4. นายประกันยื่นคำร้องขอประกันตัวพร้อมหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่
ประชาสัมพันธ์
5. เมื่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้ตรวจคำร้องและหลักฐานเรียบร้อยแล้วจะลง
บัญชีรับเรื่องไว้เป็นหลักฐาน แล้วนำเสนอคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อพิจารณาสั่งคำร้อง เมื่อผู้พิพากษาสั่งคำร้องแล้วจะส่งคำร้องขอประกันกลับคืนไปที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
6. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จะแจ้งคำสั่งของศาลให้นายประกันทราบ
7. หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกัน นายประกันอาจต้องวางเงินประกัน
ค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี โดยเจ้าหน้าที่จะออกใบรับหลักฐานการขอประกันและใบรับเงินให้
8. เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันแล้ว ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกควบคุมตัว
อยู่ที่ศาลและยังไม่มีการออกหมายขังไว้เลย จะนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยออกจากห้อง ควบคุมในศาลได้เลย ถ้าหากผู้ต้องหาหรือจำเลยอยู่ระหว่างถูกขังตามหมายศาล เจ้าหน้าที่จะนำหมายปล่อยไปปล่อย ณ ที่ถูกคุมขัง
9. ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะถูกปล่อยตัวในวันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
10. หากศาลไม่อนุญาตให้ประกัน ผู้ขอประกันขอรับหลักทรัพย์ที่ยื่นไว้คืนได้
จากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
11. การขอประกันในระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกา ใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับที่
กล่าวมาแล้ว แต่ศาลอาจใช้ดุลพินิจเพิ่มหลักประกันจากของศาลชั้นต้นได้
การขอรับหลักทรัพย์หรือเงินสดคืนจากศาล
เมื่อคดีถึงที่สุด หรือศาลอนุญาตให้ถอนประกัน หรือสัญญาประกันสิ้นสุดลงด้วยเหตุอื่น ความรับผิดตามสัญญาประกันสิ้นสุดลง นายประกันสามารถขอหลักประกันคืนได้ทันทีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลและแนบหลักฐานคือใบรับหลักฐานและใบรับเงิน ที่ศาลออกให้เมื่อครั้งยื่นขอปล่อยชั่วคราว หากใบรับหลักฐานหรือใบรับเงินสูญหาย ต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและนำใบรับแจ้งความมาแสดงต่อศาล โดยปกติแล้วนายประกันต้องยื่นคำร้องด้วยตนเอง หากไม่สามารถมารับได้ด้วยตนเองสามารถมอบฉันทะให้ผู้อื่นมารับหลักทรัพย์หรือเงินสดแทนได้ โดยใบมอบฉันทะขอได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาล
การมอบฉันทะให้ส่งตัวจำเลยหรือผู้ต้องหา
ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้นายประกันได้ประกันตัวจำเลยหรือผู้ต้องหาไป
นายประกันมีหน้าที่ต้องส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลตามกำหนดนัดของศาลทุกครั้ง แต่
หากนายประกันไม่สามารถมาศาลได้ นายประกันอาจมอบฉันทะให้บุคคลอื่นส่งตัวผู้ต้องหา
หรือจำเลยต่อศาลแทนได้โดยขอแบบฟอร์มใบมอบฉันทะได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของ
ศาล
การขอถอนประกัน
นายประกันอาจขอถอนประกันได้เสมอโดยต้องส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย
ต่อศาล เมื่อศาลได้อนุญาต ความรับผิดชอบตามสัญญาประกันเป็นอันสิ้นสุดลง
ในกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษปรับอย่างเดียว ถ้าจำเลยไม่สามารถชำระค่าปรับ
จะต้องถูกขังแทนค่าปรับในอัตราวันละ 200 บาท กรณีนี้จำเลยอาจยื่นขอประกันเพื่อ
ไปหาเงินมาชำระค่าปรับได้
กรณีศาลสั่งปรับนายประกัน
ในกรณีที่ศาลสั่งปรับนายประกันตามสัญญาประกัน นายประกันจะต้องนำเงิน
ค่าปรับมาชำระต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดมิฉะนั้นศาลจะสั่งยึดหลักประกัน
ขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระค่าปรับต่อไป และถ้าได้เงินไม่พอชำระค่าปรับศาล
อาจยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ของนายประกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระค่าปรับจนครบ
นายประกันที่ศาลสั่งปรับตามสัญญาประกัน มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลได้ภายในกำหนด
1 เดือน หรืออาจนำตัวจำเลยมาส่งศาลและขอลดค่าปรับต่อศาล
ข้อควรปฏิบัติสำหรับนายประกัน
1. ให้ชื่อและที่อยู่อันแท้จริงต่อศาลหากมีการย้ายที่อยู่ต้องแจ้งให้ศาลทราบ
โดยเร็ว
2. เมื่อศาลอนุญาตให้ประกัน นายประกันต้องลงลายมือชื่อในสัญญาประกัน
ไว้เป็นหลักฐานและต้องลงชื่อทราบกำหนดวันเวลาส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมายังศาล
ด้วย
3. ส่งตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อศาลตามกำหนดนัดในชั้นผัดฟ้องฝากขัง
นายประกันต้องนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาศาลในวันครบกำหนดผัดฟ้องฝากขัง
แต่ละครั้ง เมื่อศาลนัดให้จำเลยไปศาลในวันใด ไม่ว่าจะเป็นวันนัดสืบพยาน นัดฟัง
คำพิพากษา นัดสอบถาม หรือนัดเพื่อการอื่นใด นายประกันต้องนำจำเลยไปส่งศาล
ทุกครั้ง หากนายประกันผิดนัดไม่สามารถนำผู้ต้องหาหรือจำเลยไปศาลตามที่กล่าว
ข้างต้นศาลอาจถอนประกันและปรับนายประกันตามสัญญาทันที ฉะนั้นนายประกัน
จึงต้องคอยติดตามอยู่เสมอว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยอยู่ที่ใดในระหว่างประกันตัว
ที่มา หอสมุดสำนักงานศาลยุติธรรม
0 ความคิดเห็น